
เมสซี, เอ็มบัปเป้ นำทัพ! ทีมยอดเยี่ยม ฟุตบอลโลก 2022
สะสม 11 นักฟุตบอลฟอร์มเด่นที่สุด เข้ามาติดทีมยอดเยี่ยมประจำศึก ฟุตบอลโลก 2022 ของพวกเรา
ฟุตบอลโลก 2022 สิ้นสุดลงแล้ว ด้วยจำนวนประตูที่เยอะมากเป็นประวัติการณ์ รวมถึงเกมสุดดราม่ามากมาย และปิดท้ายด้วยรอบชิงชนะเลิศที่ตื่นเต้นเร้าใจที่สุดในประวัติศาสตร์ของรายการนี้
อาร์เจนตินาเอาชนะฝรั่งเศสในนัดชิงชนะเลิศด้วยการดวลจุดโทษ โดยในที่สุด ลิโอเนล เมสซี ก็ยุติการรอคอยถ้วยแชมป์ที่ต้องการมากที่สุดในชีวิตการค้าแข้งจนได้ และกลายมาเป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแบบไม่มีข้อโต้แย้งอะไรก็ตาม
ยิ่งไปกว่านี้ เมสซี ยังเอารางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมไปครอบครองได้ด้วย ซึ่งแน่นอนว่าเขาเป็นตัวเลือกแรกในทีมยอดเยี่ยมประจำศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่จัดโดย GOAL
ส่วนอีก 10 คนที่เหลือมีคนไหนกันบ้าง ฟุตบอลโลก 2022 ติดตามได้ที่ด้านล่าง
ผู้รักษาประตู : เอมิเลียโน มาร์ติเนซ (อาร์เจนตินา)
หลังจากเสีย 2 ประตูให้กับซาอุดีอาระเบียในเกมแรก หลังแล้วหลังจากนั้น มาร์ติเนซ ก็ไม่ปล่อยให้เกมรับของทีมต้องลำบากอีกเลย
นายด่านจากแอสตัน วิลลา มีทั้งลูกเซฟสุดสำคัญหลายหนในเกมเวลาปกติ ทั้งยังโชว์ความเป็นผู้ชำนาญในการเซฟจุดโทษได้อย่างน่าทึ่ง
โดยยิ่งไปกว่านั้นในนัดชิงแชมป์ ที่เขาเซฟลูกยิงจ่อๆของ ร็องดาล โกโล มูอานี ช่วงท้ายเกมของขยายเวลาพิเศษ รวมถึงยังเซฟลูกจุดลูกโทษของ คิงส์ลีย์ โกมาน จนกระทั่งพาทัพฟ้าขาวครอบครองแชมป์โลกสมัยที่ 3
และแน่ๆว่าเขาเป็นผู้ครอบครองรางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมประจำการแข่งขันแบบเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง
แบ็คขวา : อัชรอฟ ฮากิมี (โมร็อกโก)
แบ็คขวาจากปารีส แซงต์-แชร์กแมง โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ ด้วยการเป็นกำลังสำคัญสำหรับในการพาโมร็อกโกสร้างเซอร์ไพรส์ผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ
โมเมนต์สำคัญของ ฮากิมี จะต้องเป็นการยิงจุดโทษเป็นคนสุดท้ายด้วยการชิพแบบปาเนนก้าสุดคลาสสิค พาโมร็อกโกโค่นทีมใหญ่อย่างสเปน
เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ : นิโกลัส โอตาเมนดี้ (อาร์เจนตินา)
ด้วยวัยที่ล่วงเลยมาถึง 34 ปีแล้ว ทำให้ไม่มีผู้ใดคาดหวังว่า โอตาเมนดี้ จะยังคงทำผลงานได้ดีราวกับแต่ก่อน
แต่กำแพงหลังจากเบนฟิก้ากลับทำผลงานได้ยอดเยี่ยมตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ ด้วยการใช้ประสบการณ์ความเก๋ารอเป็นหัวใจในแนวรับของอาร์เจนตินา ถึงแม้อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีจังหวะพลาดทำเสียจุดลูกโทษลูกแรกในนัดชิงชนะเลิศ แต่ยิ่งกว่านั้นก็นับว่าเขาโชว์ฟอร์มได้ดีเกินความคาดหมายทีเดียว
เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ : ยอสโก้ กวาร์ดิโอล (โครเอเชีย)
การโดน ลิโอเนล เมสซี หลอกกระทั่งปั่นป่วนในรอบรองชนะเลิศ ไม่สามารถที่จะบดบังความยอดเยี่ยมของกองหลังวัยเพียงแค่ 20 ปีได้อย่างแน่นอน
กวาร์ดิโอล เป็นที่จดจำอีกทั้งภาพลักษณ์ที่ใส่หน้ากากลงสนามทุกเกม รวมทั้งยังเป็นแนวรับที่เล่นได้เด่นและนิ่งเกินวัย และคงจะตระเตรียมทำเงินก้อนโตให้ต้นสังกัดอย่าง แอร์เบ ไลป์ซิด หากถูกขายไปให้ทีมยักษ์ใหญ่
แบ็คซ้าย : เตโอ แอร์กน็องเดซ (ฝรั่งเศส)
แบ็คซ้ายจากเอซี มิลาน ออกสตาร์ทเกมแรกด้วยการเป็นตัวสำรองของพี่ชายตนเองอย่าง ลูกัส แอร์กน็องเดซ
แต่หลังจาก ลูกัส เจ็บตั้งแต่ต้นเกม และจำเป็นต้องหยุดไม่มีกำหนดหลังแล้วต่อจากนั้น น้องชายอย่าง เตโอ ก็คว้าจังหวะไว้ได้ยอดเยี่ยม เมื่อจัดการยึดตัวจริงยาวมาจนถึงรอบชิงแชมป์
ด้วยความที่เป็นนักเตะในตำแหน่งแบ็คอาชีพเพียงผู้เดียวของทีม ทำให้ เตโอ มีคุณลักษณะเด่นที่การเติมเกมยอมรับได้อย่างไหลลื่น โดยเฉพาะการเติมไปทำประตูขึ้นนำโมร็อกโกในรอบตัดเชือก
คนที่เหลือรับประกันได้เลยว่ามีแต่ตัวเด็ดๆ ทั้งนั้น
กองกลาง : โซฟยาน อัมราบัต (โมร็อกโก)
มิดฟิลด์จากฟิออเรนตินา แจ้งเกิดได้อย่างไม่มีใครคาดคิดในทัวร์นาเมนต์นี้
อัมราบัต ถือเป็นห้องเครื่องคนสำคัญที่รอเคลื่อนเกมของโมร็อกโกทั้งรุกและรับ ด้วยข้อดีการวิ่งไม่มีหมด และพร้อมสู้บู๊ทุกจังหวะ โดยเฉพาะช็อตที่ถูกยกย่องอย่างยิ่ง คือการวิ่งตามไปเสียบสกัดแย่งบอลจาก คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ได้อย่างยอดเยี่ยม
แน่นอนว่าฝีเท้าขนาดนี้ เขาคงได้อยู่กับฟิออเรนตินาอีกไม่นาน และตระเตรียมถูกทีมยักษ์ใหญ่ทุ่มเงินคว้าตัวไปเสริมทัพในไม่ช้านี้
กองกลาง : เอ็นโซ เฟร์นานเดซ (อาร์เจนตินา)
ดาวรุ่งจากเบนฟิก้า ออกตัวเกมแรกด้วยการเป็นตัวสำรอง แต่หลังจากได้โอกาสลงตัวจริงในเกมที่สอง และจัดการยิงใส่เม็กซิโกได้ด้วย เขาก็เปลี่ยนมาเป็นอย่างยิ่งสำคัญของทีมแบบถาวร
และการเป็นตัวหลักของอาร์เจนตินาด้วยวัยเเค่ 21 ปี ก็ส่งให้ เฟร์นานเดซ คว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมของทัวร์นาเมนต์ไปครอบครอง และด้วยฟอร์มขนาดนี้ แน่ๆว่าเบนฟิก้าตระเตรียมทำเงินก้อนโตจากการขายเขาให้ทีมยักษ์ใหญ่ในไม่ช้านี้
ตัวรุกฝั่งขวา : ลิโอเนล เมสซี (อาร์เจนตินา)
อาจจะไม่ต้องบอกอะไรกันมากสำหรับนักเตะรายนี้
เมสซี ประกาศก่อนเริ่มการแข่งขันแล้วว่าจะเป็นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของตนเอง พร้อมด้วยถูกตั้งคำถามมากกล่าวถึงวัย 35 ปี เขาจะทำผลงานระดับมาสเตอร์พีซได้อีกหรือไม่
สุดท้ายเขาตอบปัญหากลุ่มนี้ ด้วยการกดไปถึง 7 ประตู เอารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมและเติมเต็มความฝันด้วยการได้ชูถ้วยฟีฟ่า เวิลด์คัพแบบแฮปปี้เอนดิ้ง
หน้าต่ำ : อองตวน กรีซมันน์ (ฝรั่งเศส)
จากนักฟุตบอลที่ราวกับจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แต่ กรีซมันน์ กลับมาเล่นก้าวหน้าอีกรอบในบทบาทใหม่
ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ ผู้จัดการทีมของฝรั่งเศสปรับตำแหน่งให้ตัวรุกจากแอตเลติโก มาดริดถอยลดลงมายืนเป็นราวกับกองกลางเลข 8 ซึ่งกลายเป็นว่าเขาบางทีอาจจะทำผลงานได้ดีกว่าตอนเล่นเป็นหน้าต่ำก่อนหน้าที่ผ่านมาเสียอีก
แม้ว่าจะยิงประตูด้วยตัวเองมิได้ แต่เขาก็ทำไปถึง 3 แอสซิสต์ แปลงเป็นนักฟุตบอลปิดทองหลังพระของฝรั่งเศสประจำทัวร์นาเมนต์นี้อย่างแท้จริง
ตัวรุกฝั่งซ้าย : คีลิยัน เอ็มบัปเป้ (ฝรั่งเศส)
เอ็มบัปเป้ พัฒนาตัวเองจากดาวรุ่งเมื่อปี 4 ปีก่อนที่รัสเซีย เปลี่ยนมาเป็นนักฟุตบอลระดับเวิลด์คบาสแบบเต็มตัวในปีนี้ที่กาตาร์
ดาวเตะจากปารีส แซงต์-แชร์กแมง กดไปถึง 8 ประตู คว้ารองเท้าทองคำไปครองในฐานะดาวซัลโวสูงสุดประจำทัวร์นาเมนต์นี้
โชคร้ายที่ยังไม่เพียงพอที่จะพาฝรั่งเศสป้องกันแชมป์ได้ตามที่หวัง
แผงหน้า : ฮูเลียน อัลวาเรซ (อาร์เจนตินา)
อีกหนึงนักเตะของอาร์เจนตินาที่เริ่มเกมแรกด้วยการเป็นตัวสำรอง แต่หลังจากยึดตัวจริงได้ในเกมที่สอง หลังต่อจากนั้นก็กลายเป็นกำลังหลักของทีมแบบเต็มตัวกระทั่งจบทัวร์นาเมนต์
อัลวาเรซ เปลี่ยนมาเป็นคู่หูคนละวัยที่เล่นร่วมกับ ลิโอเนล เมสซี ได้อย่างพอดี และยังโชว์ความเฉียบคมด้วยการยิงไป 4 ประตู
นั่นทำให้แฟนบอลทีมอื่นๆต่างอิจฉาแมนเชสเตอร์ ซิตี้ กันยกใหญ่ ที่มีสองยอดเยี่ยมกองหน้าดาวรุ่งแห่งสมัยทั้งยัง อัลวาเรซ รวมถึง เออร์ลิง ฮาลันด์ อยู่ในทีม